วันเสาร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

[Breaking] iPhone4 hands on (with comments)!!!




















(ภาพ iPhone4 จาก Reuters)

เกริ่น...วันนี้ได้มีโอกาสไปโต๋เต๋ที่ St.Louis Galleria ซึ่งที่นั่นก็มีศูนย์แอปเปิ้ลด้วยพอดี พอเห็นเข้าก็นึกขึ้นได้ "มันต้องมี iPhone4 ให้เล่นเป็นแน่แท้!" ว่าแล้วก็ไม่ลังเล เดินฝ่าฝูงชนที่กำลังเดินขวักไขว่ และเหล่านักบวชเสื้อฟ้าทั้งหลาย มุ่งตรงไปยังโต๊ะกลางร้านที่มี iPhone4 ให้ลองกว่า 10 เครื่อง พร้อมชื่อเครื่องนำหน้าด้วยคำว่า Favourite 1,2,3,... อ้อร้อจริง ๆ หลังจากได้เล่นไม่นานนักก็พอสรุปประเด็นได้ดังนี้จ้า
  1. หน้าตาเครื่องดีมาก ๆๆๆๆๆๆๆๆ บางลงและเล็กลงทำให้จับถนัดมือขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ(ซึ่งมันดีกับคนเอเชียมาก) ทำให้ถือได้มั่นคงและใช้งานได้สะดวกขึ้นอย่างแรง
  2. น้ำหนักเบาลงจนรู้สึกได้ ถือไปไหนคล่องตัวขึ้น
  3. กระจกหน้า-หลัง ให้สัมผัสที่พอใช้ได้แต่ยังขาดความ "นวล" ที่ต้องเพิ่มอีกหน่อย แต่จุดที่ดีก็คือ มันไม่แววมาก และไม่ด้านมาก ผ่านมือมาเยอะแต่ยังไม่เป็นรอยขีดข่วนให้เห็นชัด ๆ เลย(ตามที่เขาโฆษณาว่ากระจกดี) แถมดึงดูดรอยนิ้วมือยากกว่าตัวเก่าอีกด้วยจ้า แต่เสียดายที่ไม่น่าแตกง่ายเลย(ตามข่าว)
  4. ปุ่มต่าง ๆ ข้างเครื่อง ต้องยอมรับว่าแข็งไปนิด แต่ก็สมเหตุสมผลเพราะเป็นปุ่มข้าง แต่ปุ่มปิดเสียงนี่ทำไมไม่ให้มันเลื่อนบน-ล่าง แทนที่จะเป็น ซ้าย-ขวา วะเนี่ยยย
  5. จุดที่ไม่ชอบเลยสำหรับตัวเครื่องคือ มุมของเครื่องระหว่างเสาอากาศที่เป็นโลหะ กับจอส่วนกระจก มันไม่ได้ต่อกันเป็นมุมสนิท เกิดเป็นช่องว่างให้เสาอากาศกับกระจกหน้า-หลัง ทำให้สากมือเวลาถือ (ปัญหานี้แก้ได้ด้วย Bumper หรือ Case)
  6. หน้าจอทัชสกรีนยังคงตอบสนองนิ้วที่จิ้ม ๆ เลื่อน ๆ ไปบนจอได้ดี แต่โดนกระจกที่ขาดความ"นวล" ทำให้ลากนิ้วไม่ลื่นเท่าที่ควร (อาจแก้ด้วยฟีล์มด้าน)
  7. หน้าจอที่มี Resolution เพิ่มขึ้นนั้น ทำให้ดูจอสบายตาขึ้นนิดหน่อย บวกกับการมี wallpaper เสียที ทำให้หน้า App ไม่น่าเบื่ออย่างแต่ก่อน
  8. การประมวลผล ข้อนี้ถือว่ายังไม่มากถึงขั้นทำให้ตะลึง เพราะรุ่นก่อน ๆ ก็แรงแล้ว แถมแรงพ้น Threshold ของผู้เขียนแล้ว รุ่นนี้ถึงจะเร็วกว่านี้ก็ไม่ทำให้เกิดความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
  9. กล้องกับเฟซไทม์ไม่ได้ลองจ้า เพราะไม่รู้จะลองกับใคร
  10. การฟังเพลง อันนี้ไม่ได้ลองเหมือนกัน แต่หน้าเพลงเหมือนเดิม คุณภาพเสียงไม่ทราบจริง ๆ (จะให้ลองกับหูแถมก็นะ...)
  11. ซาฟารีทำงานได้ปรกติ อ่านไทยได้ไม่มีติดหล่มจ๊ะ
  12. ข้อสุดท้าย ... Death Grip อันนี้ซีเรียสมาก ใครที่คิดว่าสื่อหรือองค์กรต่าง ๆ ออกมาโจมตีเรื่องการถือเครื่องโดนรอยต่อเสาสัญญาณแล้วทำให้สัญญาณหายนั้น ขอบอกเลยว่าเป็นเรื่องจริงทุกประการ เพราะหลังจากลองแกล้งถือท่า death grip ตามในข่าวแล้วนั้น สัญญาณจากเต็ม มันหายหมดหลอดเลยจ้า! อันนี้แอปเปิ้ลคิดถูกแล้วที่ต้องแจกเคสแบบนั้น เพราะปัญหานี้มันเกิดขึ้นจริง และมันกระทบต่อการใช้งานจริง ๆ (ยิ่งตัวผู้เขียนถนัดซ้ายเสียด้วย) นี่จึงเป็นข้อเสียที่ใหญ่หลวงที่สุดของ iPhone4 จะถือเป็น fail ก็ได้นะ
สรุป...iPhone4 ได้ออกแบบตัวเครื่องและวัสดุได้เบาบางและดูดีกว่าตัวเก่ามาก ทำเอาตัวเก่าเป็นพลเมืองชั้นสองเลย อีกทั้งประสิทธิภาพยังอัพเกรดแล้วยังสมทบด้วยเฟิร์มแวร์ใหม่อีกทำให้มือถือตัวนี้เป็นที่น่าจับจองเป็นเจ้าของเสียยิ่งกะไร แต่ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ การออกแบบมุมเครื่อง และ death grip ยังเป็นปัญหาจุกจิกที่ทำให้รำคาญได้ไม่น้อย หากในอนาคตอันใกล้(อีกไม่กี่เดือน) ทางศูนย์ไทยทั้ง True และ dtac นำ iPhone4 มาขายแล้วไม่แถมเคสตามนโยบายของที่นี่ละก็ คงต้องช่วยกันบอยคอตแล้วกดดันให้เค้าแถมให้ได้ ไม่งั้นก็ฟ้อง สคบ. แม่มเลย เพราะปัญหา death grip มันของจริง!

ทิ้งท้าย ผู้เขียนชักอยากเอาน้อง milestone สุดที่รักไปขายซะแล้วซิ ฮ่า ๆๆๆๆๆๆๆๆ (เค้าล่อเล่นนะ ยังไงก็รักหุ่นเขียวจ๊ะ)

จบ

ปล.ถ้ามีโอกาส จะไปลอง Samsung Vibrant แล้วมาเล่าให้ฟังจ้า อยากรู้อิทธิฤทธิ์เกาหลีเหมือนกัน

วันพุธที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

แนะนำการซือมือถือสมาร์ทโฟน โดยกรู (ภาค 2)

เกริ่น

จากภาคที่แล้วได้ทำการสับแหลกเกี่ยวกับมือถือกลุ่ม iOS เป็นการประเดิมบทความชุดนี้ โดยเฉพาะพระเอก iPhone 4 ที่ตอนนี้ปัญหาสัญญาณหายได้กลายเป็นปัญหาหลักแล้ว ก็อยากให้ทุกคนระวัง ๆ แล้วกัน แถมตอนนี้ทรูเริ่มประชาสัมพันธ์ข้อมูล iPhone4 ที่กำลังจะนำมาขายอย่างแน่นอนแล้วนั้น ทำให้เป็นหลักประกันได้ว่า ใครจะรอ ขอให้รออย่างใจเย็น ได้เครื่องใช้สมใจเคลมได้ไม่แพงแน่นอนจ้า

สำหรับภาคสองนี้จะสับแหลกเกี่ยวกับสมาร์ทโฟนกลุ่มที่มีปุ่มมากที่สุดกลุ่มหนึ่ง...นั่นแหละ กลุ่ม BlackBerry OS นั่นเองเป็นยังไงก็ติดตามกันเน้อ


ข้อตกลงเบื้องต้น

1. บทความนี้จะใช้ ระบบปฏิบัติการ เป็นเกณฑ์หลัก และงบประมาณเป็นเกณฑ์รอง
2. บทความนี้เต็มไปด้วยความเห็นส่วนบุคคล โดยอิงจากข้อเท็จจริงและข่าวสารที่ผู้เขียนได้รับตั้งแต่เกิดมา จนถึงวินาทีที่เขียนนี้ แสดงว่า มันอาจจะเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต
3. บทความนี้ใช้คำไม่สุภาพนัก เพราะบอกแล้ว เพื่อนแนะนะเพื่อน
4. นึกไม่ออกแล้ว...


กลุ่ม BlackBerry OS









BlackBerry ( เขียนอย่างนี้นะ ไม่ใช่ Blackberry หรือ blackberry) OS คือระบบปฏิบัติการโทรศัพท์มือถือที่พัฒนาโดยบริษัท RIM (Research in Motion) ของแคนาดา ซึ่งแน่นอนมีแต่โทรศัพท์ที่ RIM ผลิตเองเท่านั้นในขณะนี้ จุดเด่นของมือถือ BlackBerry (ต่อไปนี้จะเรียกว่า BB) นั้นอยู่ที่การรับส่งอีเมล์ที่สะดวกสบายมาก ด้วยปัจจัยหลายอย่างเช่น บริการ Push Mail ที่เซิฟเวอร์จะส่งเมล์มาเข้ามือถือเองไม่ต้องให้ผู้ใช้ เปิด data ไปเพื่อ request เมล์นั้น หรือการมีเซิฟเวอร์เฉพาะสำหรับบริการ BB Messenger ที่มีเป็นของตัวเองเฉพาะ และใช้ภายในองค์กรกันเองได้ และตัวเครื่องส่วนใหญ่มีคีย์บอร์ด QWERTY ทำให้การรับส่งเมล์นั้นทำได้สะดวกสบายมากสำหรับภาษาอังกฤษ คงไม่มีใครปฏิเสธว่ายังไง Physical Keyboard ก็ดีกว่า Virtual Keyboard อยู่แล้ว โดยเดิมนั้น มือถือ BB เป็น business phone มาก่อนมักใช้ในองค์กรเป็นหลัก เพราะทำให้การสื่อสารภายในองค์กรวดเร็วขึ้น แต่การทำตลาดในประเทศเอเชียแปซิฟิกบางประเทศ การทำตลาดของ BB นั้นเปลี่ยนไปเล็กน้อย ทำให้รูปโฉมของมือถือ BB ในประเทศนั้นเปลี่ยนแปลงไป (คงรู้นะว่าประเทศอะไร)

มือถือกลุ่ม BB OS เอามาเปรียบเทียบแค่ 4 รุ่นตามการวางขายในไทยเป็นหลักจ้า

BlackBerry Curve 8520



















จุดเด่น : ราคาถูก(เมื่อเทียบกับรุ่นอื่นในกลุ่มเดียวกัน) หาซื้อง่าย มีทุกแผงใน MBK!!! มีคีย์บอร์ดและฟังก์ชันพื้นฐานครบถ้วน
จุดด้อย : ไม่มี GPS จอความละเอียดต่ำกว่ารุ่นอื่น กล้องได้รูปเล็กกว่ารุ่นอื่น และราคาถูกนี่แหละ อาจทำให้คนบางกลุ่มดูถูกได้ว่าใช้ของถูก!!
แนะนำ : หากจะใช้ BB เพื่อความสะดวกในการสื่อสารจริง ๆ ตัวนี้คุ้มค่าแก่การลงทุน!

ทำไม : เพราะถึงแม้จะมีราคาถูก แต่ 8520 สามารถทำอะไรได้อย่างที่รุ่นสูง ๆ กว่านี้ทำได้ทุกประการ เว้นแต่อะไรที่ต้องใช้ GPS แถมราคาตอนนี้ไม่ถึงหมื่น (สำหรับแผง) แถม อุปกรณ์เสริมออกมาเยอะมาก ๆๆๆๆๆๆ และจำนวนผู้ใช้ที่เยอะกว่า ทำให้มีปัญหาอะไรเบาใจได้ว่ามีคนตอบคำถามให้แน่นอน และอีกอย่าง องค์กรคงไม่อยากลงทุนมากสำหรับฟังก์ชันที่ไม่จำเป็นหรอก!!

เหมาะกับ : ผู้อยากใช้ BB
ทุกแบบ ทั้งองค์กร และ casual คนที่ต้องทำงานกับการรับส่งอีเมล์อย่างรวดเร็วไม่เหมาะกับ : คนที่อยากใช้ GPS หรือคนที่แคร์คนในหัวข้อจุดด้อยและมีตังค์พอที่จะซื้อรุ่นที่แพงกว่า



BlackBerry Curve 8900






















จุดเด่น : สเป็คเรื่องจอ กล้อง ดีกว่8520 มี GPS แล้ว และเม็ดโรลออน ที่ถูกใจบางคน
จุดด้อย : เม็ดโรลออน ที่ไม่ถูกใจบางคน
แนะนำ : หากไม่เกินงบ แล้วอยากใช้ BB จริง ซื้อได้เลย!

ทำไม : ตัวนี้ถึงจะแพงกว่า 8520 ประมาณ 50% แต่ชดเชยด้วยกล้องที่ให้รูปที่ใหญ่ขึ้น จอที่ละเอียดมากขึ้น จีพีเอสที่ติดมาให้เสียที แถมหน้าตายังดูดีกว่า 8520 พอสมควร(ส่วนตัว) ทำให้ตัวนี้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก เพราะถูกสุด ในโมเดลที่มี GPS จ้า

เหมาะกับ : ผู้ใช้ที่ต้องใช้ GPS ร่วมด้วย(ส่วนใหญ่พวก Social) คนที่ชอบหน้าตาตัวนี้มากกว่าและเงินถึง

ไม่เหมาะกับ : คนที่งบไม่ถึง หรือคนที่เงินเหลือและอยากได้รุ่นที่ High สุด จะไม่มองรุ่นนี้เลย


BlackBerry Bold 9700
















จุดเด่น : หน้าตาดีกว่าสองตัวก่อน(ส่วนตัว) เป็นรุ่นแพงสุดในกลุ่ม QWERTY
จุดด้อย : ราคาแพง ออฟชั่นไม่ได้เพิ่มมาจาก 8900 เลย
แนะนำ : ซื้อ 8900 แล้วกำเงินส่วนต่างไว้จ่ายค่า Service ดีกว่า!

ทำไม : รุ่นนี้ถึงจะแพงสุด หน้าตาอาจจะดีสุด แต่เนื้อในไม่ได้มีอะไรพิเศษขึ้นมาจาก 8900 เลย ราคาแพงกว่า 8900 ตั้ง 4000-5000 บาท ส่วนต่างบางคนก็บอกว่าเล็กน้อย แต่มันก็มีค่านะคุณ!!!

เหมาะกับ : คนที่ชอบหน้าตาของตัวนี้ สัมผัสของคีย์บอร์ดตัวนี้ คนที่อยากได้รุ่นแพงสุดไว้ก่อน (นี่มันอะไรกัน?)
ไม่เหมาะกับ : คนที่จะเปลี่ยนจาก 8900 คนที่งบไม่ถึง คนที่ไม่ชอบรูปลักษณ์ภายนอกของตัวนี้


BlackBerry Storm2 9520















จุดเด่น : ทัชสกรีนเต็มตัว (อาจจะ)มีศักยภาพในการอัพเกรดเป็น BB OS6

จุดด้อย : ไม่มีคีย์บอร์ด ต้องพิมพ์บนจอเท่านั้น ตัวเครื่องเทอะทะ มีราคาแพง(มาก)
แนะนำ : ถ้าคิดว่าพิมพ์ในจอถนัดกว่าแล้วเงินถึง ก็เชิญ!!! (ซื้อไอ้สามตัวบนแล้วกำส่วนต่างไว้ดีกว่า)

ทำไม : ถึงทาง RIM จะมีออฟชั่นสำหรับคนที่อยากใช้ Service ของ BB แต่อยากได้ทัชสกรีน แต่นี่ไม่ใช่ความคิดที่ดีเลย ด้วยราคาที่แพงและตัวเครื่องที่เทอะทะ แถมยังทำให้พิมพ์เมล์ไม่สะดวกอีก ทำให้ตัวนี้ถ้าไม่ชอบจริงก็ไม่อยากให้ซื้อเลย

เหมาะกับ : คนชอบทัชสกรีนแต่อยากใช้ BB คนที่เงินเหลือจัด ๆ
ไม่เหมาะกับ : ทุกคนยกเว้นคนในบรรทัดบน!!!


สรุปเกี่ยวกับมือถือกลุ่ม BlackBerry OS


มือถือกลุ่ม
BB OS มีการเติบโตพัฒนามานาน ทำให้สามารถใช้งานได้ทั้งทางธุรกิจ และ เครือข่ายสังคม (Social Network) ที่นำมาควรวมกันได้อย่างลงตัว รวมทั้งยังมี App ทีทำให้การใช้งานสะดวกขึ้นอยู่จำนวนไม่น้อย ทำให้มือถือกลุ่มนี้ แพร่หลายได้ไม่ยาก แต่สังเกตุว่าจุดเด่นจุดด้อยทั้งสี่รุ่นที่เขียนมานั้นช่างน้อยเมื่อเทียบกับตอนที่แล้ว เพราะทั้งสี่รุ่นนั้นล้วนมี Core feature ที่เหมือนกันเป๊ะ ๆๆ ทำอะไรได้เหมือนกันเป๊ะ ๆ จะแตกต่างก็แค่ Design และสเป็คเช่นจอ กล้อง จีพีเอส ที่ 8520 ด้อยกว่าตัวอื่น ทำให้การลงทุนในมือถือกลุ่มนี้นั้น ทั้งหมดตกอยู่แค่ปัจจัยสองปัจจัยเท่านั้นคือ เงิน และความชอบในลักษณะภายนอกเท่านั้น (เพราะภายในแทบไม่ต่างกัน)

ดังนั้นคนที่จะเปลี่ยนจากมือถือทั่วไปมาเป็น มือถือกลุ่ม BB นั้น อยากให้ดูว่า "จะเอาไปทำอะไร" มากกว่าเพราะมันทำให้เราเลือกรุ่นได้ไม่ยากเลย คงไม่ต้องสงสัยว่า ถ้าคนที่ใช้จริงจัง คงจะใช้แค่ 8520 เพราะมันก็เพียงพอแล้ว แต่รุ่นอื่นก็ใช้ว่าจะไม่ดี ขึ้นอยู่กับเงินที่มีแค่นั้นเอง ส่วนใครที่รอได้ ตอนนี้ BB OS ได้เปิดตัวระบบปฏิบัติการเวอร์ชัน 6 ที่ทำให้ใช้งานได้ดีกว่าเดิม แนะนำให้รอรุ่นที่มาพร้อมกับเวอร์ชั่นใหม่เลยดีกว่าครับ

ปัจจุบันตลาด BB ในไทยไม่ใช่เป็น Business Phone เป็นหลักแล้ว แต่กลายเป็นกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นวัยทำงานที่ต้องการไว้แชท ๆๆๆๆ ซะมากกว่า และแนวโน้มกลุ่มหลังจะขยายเรื่อย ๆ เพราะตกเป็นเหยี่อกระแสได้ง่าย ๆ และมีความระมัดระวังในการใช้เงินน้อยกว่า การตลาดเลยแปลงโฉมจากนักธุรกิจ กลายเป็นดารานักร้อง นักศึกษาหน้าตาดีมาโฆษณาว่าแช็ตกันอย่างโน้นอย่างนี้ วันนี้ BB เลยเป็นอภิมหากระแสมือถือในช่วงนี้โดยปริยาย

แต่สิ่งที่ไม่เติบโตไปกับตลาดเลยคือ มารยาทในการใช้โทรศัพท์ อันนี้ต้องบอกว่าเป็นบางคน ที่พบเห็นได้ทั่วไปเลยคือ การถือโทรศัพท์โชว์ การห้อยโทรศัพท์ไว้ที่คอ (ยังกะจตุคาม) การแช็ตขณะอยู่บนขนส่งสาธรณะที่คนเยอะ ๆ หรือการเดินบนท้องถนน หรือแม้แต่การแช็ตแม้แต่ในห้องเรียนโดยที่ไม่ปิดเสียงเตือน สิ่งเหล่านี้ทำให้คนมอง BB ว่าไม่ดี แต่ที่จริงแล้วปัญหาอยู่ที่ผู้ใช้ ที่ใช้อย่างไม่มีมารยาท (ซึ่งจริง ๆ มันก็มีทุกยี่ห้อ) หากผู้คิดจะซื้อ ซื้อเพื่อเอาไปใช้จริง ๆ และใช้อย่างมีวิจารณญาณแล้ว มือถือกลุ่ม BlackBerry OS จะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้ใช้มากโขทีเดียว


ความน่าซื้อเรียงดังนี้

8900 > 8520 > 9700 > 9520


ทิ้งท้ายไว้นิดนึง สำหรับหนุ่ม ๆ ที่จะจีบสาวบ้า BB

ถ้าสาวเจ้าทำหน้าดูถูกเรา หากมาขอพินแล้วเราไม่ได้ใช้ BB ล่ะก็ อย่าไปจีบเลย พวกนี้มันงี่เง่า

จบภาค 2 จ้า ...ตอนต่อไป "Symbian ผู้ป่วยระยะสุดท้าย"
ปล. คอมเม้น ทักท้วง ดุด่า ติชมได้เลยจ้า

วันพฤหัสบดีที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

แนะนำการซื้อมือถือสมาร์ทโฟน โดยกรู (ภาค 1)

เกริ่น

จากการมาอยู่อาศัยในอเมริกาทำให้ใกล้ชิดแหล่งข่าวและวงการโทรศัพท์มือถือมากกว่าเก่า ได้เห็นว่าคนแบบไหนเค้าใช้อะไรกันบ้าง ได้เห็นโปรโมชั่น และโมเดลใหม่อื่น ๆ ทำให้เกิดปิ๊งไอเดียในการเขียนบทความนี้ขึ้นมาว่า ถ้ามีคนมาถามผมว่า "ซื้อมือถืออะไรดีวะ" ผมจะตอบอะไรที่เป็นแบบนี้ โดยไกด์นี้เป็นไกด์แบบ"เพื่อนแนะนำเพื่อน" ไม่ได้มีการค้ามาเกี่ยวข้องเหมือนสื่ออื่น ๆ ทั้งสิ้น โดยเป็นการแนะนำในการเลือกซื้อโทรศัพท์มือถือกลุ่มสมาร์ทโฟน(เน้นว่าสมาร์ทโฟนเท่านั้น) ได้อย่างตรงความต้องการมากที่สุด ไม่อยากให้เพื่อน ๆ ไปซื้ออะไรด้วยความหน้ามืดตามัวแล้วมาบ่นภายหลังว่า "แมร่งไม่น่าเลือกผิดรุ่นเล้ยแสรด!"

บทนำ

สมาร์ทโฟนในปัจจุบันมีหลายค่ายมากมายแม้ว่าเราจะแบ่งตามระบบปฏิบัติการ(OS) เช่น iOS, Android,
Symbian, BlackBerry OS, Web OS เป็นต้น หรือจะแบ่งตามค่ายมือถือผู้ผลิตซึ่งจะมีมากขึ้นไปอีกเช่น Nokia, Samsung, Sony Ericsson, iMobile, Apple, htc, Motorola, BlackBerry และอีกมากมาย ซึ่งแต่ละระบบปฏิบัติการมีรูปแบบการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป การพัฒนาที่แตกต่างกันออกไป สิ่งที่เหมือนกันคือ
จุดประสงค์ที่ทำให้ผู้ใช้ มีความสะดวกสบายและเต็มใจที่จะอุดหนุนผลิตภัณฑ์นั้นต่อไปได้อีก ประกอบกับธุรกิจนี้เครื่องและบริการนั้น มีเงินไหลเวียนปริมาณมหาศาล ทำให้แต่ละค่ายต้องขับเคี่ยวกันสุดฤทธิ์เพื่อให้เป็นเจ้าตลาดและนับเงินอย่างเมามันในที่สุด

ข้อตกลงเบื้องต้น

1. บทความนี้จะใช้ ระบบปฏิบัติการ เป็นเกณฑ์หลัก และงบประมาณเป็นเกณฑ์รอง
2. บทความนี้เต็มไปด้วยความเห็นส่วนบุคคล โดยอิงจากข้อเท็จจริงและข่าวสารที่ผู้เขียนได้รับตั้งแต่เกิดมา จนถึงวินาทีที่เขียนนี้ แสดงว่า มันอาจจะเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต
3. บทความนี้ใช้คำไม่สุภาพนัก เพราะบอกแล้ว เพื่อนแนะนะเพื่อน
4. นึกไม่ออกแล้ว...

มาเริ่มกันเลยดีกว่า

กลุ่ม iOS









กลุ่ม iOS คือมือถือที่ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS พัฒนาโดยแอปเปิ้ล(ชื่อเดิมคือ iPhone OS) ทำให้เครื่องก็มีแต่แอปเปิ้ลเจ้าเดียวที่ทำ จุดเด่นของ iOS คือ UI ที่ลื่นไหล โปรแกรมที่มากมาย และอำนาจที่มองไม่เห็นของความเป็นแอปเปื้ล ทำให้การมาของ iOS เปลี่ยนแปลงวงการสมาร์ทโฟนไปอย่างสิ้นเชิง ดูจาก UI จะเห็นชัดที่สุด การเปิดตัวโทรศัพท์ของแอปเปิ้ลนั่นคือ iPhone ทุกรุ่น เรียกความสนใจและสร้างเทรนด์ใหม่ ๆ ให้กับวงการฯทุกครั้งไป ปัจจุบัน iPhone ที่ยังพออยู่ในตลาดมีสองรุ่น คือ 3G และ 3GS และที่จะขายเร็ว ๆ นี้คือ iPhone4

iPhone 3G





















จุดเด่น : iOS สวยงาม ใช้งานง่าย มีความเสถียรพอควร App store มีปริมาณและคุณภาพสูง หน้าตาดี
จุดด้อย : ตัวเครื่องกำลังจะตกรุ่น เพราะสเป็คไม่แรงพอสำหรับ App บางตัว
แนะนำ : อืมมม ก็โอนะ อยากซื้อไป

ทำไม : ไอโฟนสามจีไม่มีปัญหาในการใช้งานปรกติ เพราะเมื่อก่อนก็ยังใช้ได้ กล้องก็มี ไวไฟก็มี ทำงานได้ตามประสิทธิภาพทุกอย่างไม่บกพร่อง แต่ให้ระวังเพราะ iOS4 เขี่ยรุ่นแรกตกคลองไปแล้ว คิดว่าการออกเวอร์ั่นต่อไปทำให้ 3G ที่มีฮาร์ดแวร์
ด้อยกว่า 3Gs, 4 โดนถีบตกคลองไปอีกรายได้

เหมาะกับ : คนอยากใช้ iOS แต่ไม่อยากลงทุนมาก
ไม่เหมาะกับ : คนที่อยากได้ของใหม่ตลอด อยากใช้ App ใหม่ ๆ ได้เต็มประสิทธิภาพ


iPhone 3GS



























จุดเด่น : สเป็คอัพจาก 3G ทำให้ประสิทธิภาพโดยรวมสูงกว่าเดิมมาก และยังเอาข้อดีจาก 3G มาครบถ้วน
ข้อเสีย : มีราคาแพงและหน้าตาไม่เปลี่ยนจากเดิม
แนะนำ : เป็นโอกาสที่ดี รีบคว้าไว้ ใช้คุ้มแน่นอน

ทำไม : สามจีเอสอัพเกรดมาจากสามจีในเรื่องฮาร์ดแวร์ที่ดีขึ้นกว่าเดิมทำให้การทำงานโดยรวมเร็วขึ้น และยังไม่โดน iOS4 เขี่ยตกคลองแน่ ๆ ในระยะปีสองปีนี้ ตอนนี้ถือว่าเป็นมือถือ iOS ที่มีเครื่องศูนย์ที่ดีที่สุดในเมืองไทยแล้ว และการมาของ iPhone4 จะทำให้ 3GS ราคาค่อย ๆ ตกลง จนทำให้คนที่คอยอยู่นั้นรีบตะครุบมาใช้ทันที

เหมาะกับ : คนที่รอราคาลง, ผู้ใช้ iOS แบบ mainstream, คนที่คิดว่าจะใช้เครื่องนี้ยาว ๆ (ไม่ต่ำกว่าหนึ่งปี)
ไม่เหมาะกับ : สาวกแอนตี้แอปเปิ้ล, คนที่งบไม่ถึง(เพราะยังไงมันก็แพงกว่า 3G อยู่ดี), คนที่อยากโก้เพราะ iPhone4 เอามาก ๆ

และแล้วก็มาถึงน้องใหม่ล่าสุด
iPhone 4


















ข้อดี : สเป็คแรงที่สุดในตัวหนึ่งในตลาด หน้าตาไฮโซขึ้นมาก จอความละเอียดสูงมาก กล้องเริ่มมีแฟลช กล้องหน้าวิดิโอแชทได้ ใช้ iOS4 ได้เต็มประสิทธิภาพที่สุด ณ ตอนนี้
ข้อเสีย : defect ต่าง ๆ ยังเยอะ ราคาไทยตอนนี้แพงนรก
แนะนำ : ซื้อตอนนี้จะเป็นคนที่โคตรโก้ในสัปดาห์แรก หลังจากนั้นจะเป็นควายไปอีกสี่ถึงห้าเดือน

ทำไม : เพราะมันยังไม่มีเครื่องศูนย์นะซิ พังนี่ก็ทิ้งได้เลย อะไหล่จีนแดงยังไม่มีแน่นอน ตอนนี้เครื่องที่พอจะเอามาใช้ในไทยได้มีแต่เครื่อง unlocked จากอังกฤษเท่านั้น ซึ่งราคาของยุโรปแพงอยู่แล้ว ยิ่งเป็นของใหม่ ใครล่ะจะบวกกำไรน้อย ๆ ใครคลั่งมากซื้อตอนนี้ก็โดนฟันหัวแบะแน่นอน (อย่างน้อยสี่หมี่นห้า ทั้ง ๆ ที่มันแค่สองหมื่นหว่า) แถมตอนนี้ข่าวเรื่อง defect ต่าง ๆ ในเครื่อง ทั้ง จอ เสาสัญญาณ ความคงทนของวัสดุ ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ ดังนั้นจึงแนะนำว่าอย่าเสี่ยง เพราะถ้าพลาดขึ้นมา คนที่คุณเคยเอาไปอวด เขาจะสมน้ำหน้าคุณด้วยซ้ำ รอเครื่องศูนย์เถอะนะ ดีแทคกับทรูมูฟเอามาขายแน่นอน

เหมาะกับ : พวกอยากอินเทรนแบบไม่ลืมหูลืมตา หรือต้องมีไว้ใช้เพื่อเป็นเครื่องมือทางภาพลักษณ์
ไม่เหมาะกับ : พวกที่เหลือจากข้างบน...

สรุปสำหรับกลุ่ม iOS
มือถือของแอปเปิ้ลทุกรุ่นมีดีที่ OS ที่เสถรียรและกลยุทธ์ของ Appstore ที่ดี ทำให้การใช้งานทำได้หลากหลายมาก ๆ แม้ว่าสเป็คจะไม่สูงเท่ายี่ห้ออื่นที่ออกไล่เลี่ยกัน บวกกับภาพลักษณ์แบรนด์ที่ดีด้วยแล้ว ยิ่งทำให้มือถือ iOS มีความน่าใช้ขึ้นไปอีก ตอนนี้ iOS กำลังอยู่ในช่วงผลัดเปลี่ยนเป็นมาตรฐานของ iOS4 ทำให้คนที่รอได้ ก็ขอให้รอ iPhone4 มาใช้เถิด แต่ถ้าคนที่งบน้อยกว่านั้น ก็สามารถถอยรุ่นรองมาใช้ได้อย่างไม่ติดขัดอย่างใด แต่ที่แน่ ๆ...

การซื้อ iPhone 4 ภายในเดือนนี้เป็นเรื่องที่ควายมาก ๆ

ความน่าซื้อเรียงดังนี้
3GS > 3G > first gen = second gen >> iPhone4

จบภาค 1 จ้า
ปล. อ่านแล้วช่วยคอมเม้นกันด้วยน้า จะได้มีแรงต่อตอนสอง รับรองว่าดุเด็ดเผ็ดมันกว่านี้แน่นอน

วันพุธที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2553

มีทางเลือก (ไม่)มีทางรอด : ยังไงก็ขาดทุน

"หากเราเปิดตู้เย็นทิ้งไว้ในห้องที่ปิดสนิท ในที่สุดแทนที่ห้องจะเย็นกลับกลายเป็นห้องจะร้อนขึ้น"

ประโยคนี้มาจากชั้นเรียนเทอร์โมไดนามิกส์ของวิชาฟิสิกส์ปี 1 ซึ่งยังคงจำได้ดี ถึงแม้ตอนนี้จะเรียนสายชีววิทยาแล้ว ประโยคนี้ยังคงใช้มองโลกได้เสมอ

โดยหลักการทางเทอร์โมไดนามิกส์นั้น การที่เราจะให้เครื่องจักรทำงานให้เราปริมาณหนึ่งนั้น เราต้องให้พลังงานเครื่องจักรเข้าไปมากกว่าที่มันต้องการ โดยส่วนต่างมักจะกลายเป็นความร้อนสูญเสียออกมา ทำให้เราอธิบายได้ว่า เมื่อเราเปิดตู้เย็นทิ้งไว้ ความร้อนที่เกิดขึ้น ก็จะมาจากพลังงานที่ดึงออกจากอากาศจนเย็นตัว บวกกับความร้อนที่ต้องใส่เพิ่มแต่ดันสูญเสียออกจากระบบ ยิ่งทำความเย็นเท่าไหร่ ความร้อนก็ยิ่งเกิดมากกว่านั้น หากไม่เชื่อ ให้ลองย้ายคอมเพรสเซอร์แอร์ที่บ้านท่าน เข้ามาในบ้านแทนซิครับ แล้วจะรู้ว่า มันเป็นอย่างไรเมื่อเปิดแอร์ไปซักพัก

ไม่เพียงแต่แอร์หรือตู้เย็น ทุกเครื่องจักร เครื่องยนต์ เครื่องกำเนิดพลังงานทั้งหลาย ก็เป็นไปตามกฏเทอร์โมไดนามิกส์เช่นกัน เราอยากให้รถวิ่งได้งานเท่าไหร่ พลังงานก็ต้องใช้มากกว่านั้น ที่เหลือเป็นความร้อน หรือว่าอยากได้ไอน้ำไปหมุนกังหันดูดพลังงานเท่าไหร่ เราก็ต้องใส่พลังงานเข้าไปมากกว่านั้น แล้วที่เหลือ ก็ออกมาเป็นความร้อนที่สูญเสีย

รู้มั้ยครับว่าทำไมเป็นแบบนี้ ก็เพราะว่าโลกนี้ไม่มีอะไรเพอร์เฟคครับ รู้มั้ยครับว่าเครื่องยนต์รถทั่ว ๆ ไปมีประสิทธิภาพเพียง 30-40 เปอร์เซน ลองคิดดูว่าเราใช้น้ำมันไปเพื่อผลิตความร้อนที่ไม่จำเป็นมากขนาดไหน หากเครื่องจักรทำงานได้ 100 เปอร์เซนต์เต็มแล้วล่ะก็ คงไม่มีปัญหานี้ล่ะครับ (ทำให้เห็นว่า ไอ้เครื่องจักรตรีเอกานุำภาพที่เคยเป็นข่าวในห้องหว้ากอพักนึงนั้น เป็นเรื่องบ้าบอสิ้นดี เค้าบอกว่า เค้าทำให้พลังงานที่ได้จากเครื่องกำเนิดพลังงานของเค้าเนี่ย มากกว่าที่ใส่ไปซะอีก โอ้วแม่เจ้า!!!)

ในเมื่อเครื่องมือเครื่องจักรทุกอย่างยังไม่สมบูรณ์แบบ สูญเสียความร้อนออกมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นโรงไฟฟ้า เครื่องจักรอุตสาหกรรม ยานพาหนะต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งหม้อหุงข้าวอุ่นทิพย์ในบ้านเรา ก็ต้องใช้พลังงานมากกว่างานที่ทำได้ แล้วปล่อยความร้อนออกมา เมื่อทุกอย่างพร้อมใจกันปล่อยความร้อนออกมา ก็ไม่แปลกที่โลกเราจะร้อนขึ้นครับ เพราะความร้อนเรามากขึ้น แต่อัตราการระบายความร้อนออกสู่อวกาศกลับน้อยลง(โดยความเข้มข้นของคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศที่เพิ่มขึ้น) จนเกิดความเคลื่อนไหวและเป็นกระแสสังคม(จมปลักแต่ถุงผ้า)ในปัจจุบัน

ท่านผู้อ่านสังเกตอะไรมั้ยครับ ว่าหากนำพลังงานที่เราใช้เพื่อขับเคลื่อนเครื่องจักรเหล่านั้น มาหลักลบกับงานที่เครื่องจักรทำให้ เราจะพบว่าเรา "ขาดทุน" มาตลอด แถมได้ความร้อนไม่พึงประสงค์อีก เพียงแต่ในสถานการณ์จริงนั้น เราเลือกจะผลักใสส่วนที่ขาดทุน ให้อยู่ไกลตัวมาตลอด และเรื่องนี้ไม่เกิดเฉพาะกับเครื่องจักร แต่มันเกิดกับหลาย ๆ อย่าง เช่น...

...เราเปิดแอร์ให้ห้องเราเย็น แต่เกิดความร้อนมากกว่านั้นข้างนอก...
...เราทำปลากระป๋องผ่านกรรมวิธีเพื่อความสะอาด แต่เกิดน้ำเสียจากกระบวนการมากมาย...
...เราล้างจานให้สะอาด โดยการผลิตน้ำสกปรกออกมาแทน...
...การให้คนคนหนึ่งรวยขึ้น มักจะตามมาด้วยความยากจนของคนมากกว่าหนึ่งคนเสมอ...

เมื่อหักลบกันโต้ง ๆ แล้ว เรา "ขาดทุน" ชัด ๆ

กลับมามองสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศในปัจจุบัน แหล่งพลังงาน และวิธีใช้พลังงานของมนุษย์นั้น ไม่ได้เปลี่ยนไปจากสมัยก่อนมากนัก ตั้งแต่การใช้ถ่านไม้ถ่านหิน ถึงปัจจุบันยุคของปิโตรเลียมและนิวเคลียร์ เราใช้เชื้อเพลิงเหล่านี้ ต้มน้ำ หมุนกังหันผลิตไฟฟ้า แล้วส่งตามสาย หรือ ป้อนให้เครื่องยนต์ประสิทธิภาำำพต่ำทำงานแล้วสูญเสียความร้อน ซึ่งดำเนินความ"ขาดทุน"มาตลอด แม้ว่าประสิทธิภาพของเครื่องจักรจะสูงขึ้นตามการพัฒนาของมนุษย์ แต่ด้วยจำนวนที่มากขึ้น ความร้อนที่สูญเสียรวม มันก็มากขึ้นอยู่ดี (แนะนำผู้อ่านอ่านเรื่อง Urban Heat Island) โลกก็ได้ความร้อนมากขึ้น แต่ระบายได้น้อยลง...

เมื่อประเด็นภาวะโลกร้อนแดงขึ้นมา ประชาชนชาวโลกหลายภาคส่วนก็มีการตื่นตัวต่อการแก้ปัญหานี้(จริงใจหรือแค่ภาพลักษณ์ทางธุรกิจก็อีกเรื่อง) โดยเฉพาะการพุ่งเป้าไปที่การกล่าวโทษก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซเรือนกระจกรองอื่น ๆ(เช่นมีเธน ไอน้ำ ฯลฯ) ว่าเป็นตัวการที่ทำให้โลกร้อนขึ้น สิ่งที่ตามมาคือ"พลังงานทางเลือก" ที่มีจุดประสงค์ในการลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์รวมให้ได้ เช่น พลังงานที่เป็นผลิตภัณฑ์จากกระบวนการสังเคราะห์แสง หรือพลังงานไฮโดรเจน โดยมีการวิจัยเกี่ยวกับพลังงานดังกล่าวมากมาย

แต่ทุกท่านอาจจะนึกหรือไม่นึกก็ตามแต่ ไม่ว่าเราจะใช้พลังงานอะไรในการขับเคลื่อนเครื่องจักร มันก็เกิดความร้อนสูญเสียออกมาทั้งนั้น ไม่ว่าพลังงานของท่านจะ Zero Emission แต่เครื่องยนต์ของท่านก็ทำให้เกิดความร้อนสะสมอยู่ในโลกอยู่ดี เรื่องอนาคตไม่ต้องพูดถึง ประชากรมากขึ้น อะไร ๆ ก็มากขึ้น ได้เฮแน่!

ยิ่งเราพยายามเพื่อที่จะ "ขาดทุน" น้อยลงเท่าไหร่
เราก็ยิ่ง "ขาดทุน" เท่านั้น(หรือมากกว่านั้น)

ถึงเรามี"ทางเลือก"มากมายไม่รู้จบ
แต่ทุกทางเลือก กลับไม่ใช่ "ทางรอด"ของเราหรอก

โลกเราตอนนี้ก็เหมือนตู้ปลา เราก็เหมือนปลาที่อยู่ในน้ำ เราหายใจ เราขี้เยี่ยว น้ำก็สกปรก เราอาจจะรวมสิ่งสกปรกไว้ที่เดียวกันเพื่อคงความสะอาดของน้ำที่เราอยู่ได้ แต่เราทำได้ไม่ตลอดไปหรอก ซักวันหนึ่ง หากสิ่งไม่ดีที่เราทำเอาไว้มันล้นมาจริง ๆ หวังว่า เราคงจะมองโลกใหม่ เพื่อให้สรรพชีวิตอยู่รอดอย่างยั่งยืนได้จริง ๆ (แต่จะมีวันนั้นหรือไม่อันนี้ไม่ทราบ แต่ปัจจุบันไม่เห็นแนวโน้ม)

สำหรับผู้เขียนนั้น เท่าที่รู้มา เครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพที่สุด(กินไฟต่ำ แต่ทำงานได้มาก) เห็นจะเป็น"มันสมอง"ของมนุษย์เรา ๆ นะครับ ก็ไม่แน่นะครับ ในการทำโลกใบนี้ให้น่าอยู่ หากเราใช้สมองให้มาก ใช้เครื่องจักรให้น้อย อะไร ๆ มันอาจจะดีขึ้นก็ได้

"เพราะยังไง...เครื่องจักรใด ๆ ก็สู้ภูมิปัญญาที่สรรสร้างพวกมันขึ้นมาไม่ได้หรอก"

จบ


ปล.กรุณาคอมเม้นด้วยครับ เพื่อการพัฒนาการเขียนผลงานต่อไป
ปล2. โปรแกรมหน้า อาจจะเป็นหนึ่งในหัวข้อต่อไปนี้
- Final Fantasy 13 Review : เกมเจ้าแห่งคัตซีน หรือหนังเรื่องยาวที่เล่นได้
- COWON S9 Review : จุดเริ่มต้นของวิถีแห่ง Audiophile
- A Man Abroad : สวัสดีเซนต์หลุยส์


วันพุธที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2552

Entry 01 : Prologue

Entry 01 : Prologue

ก่อนอื่น ขอสวัสดี พ่อแม่พี่น้องทุกท่าน
เนื่องในโอกาสเปิดบล็อกแรกนี้
...
แง่ว เขียนไม่ออก
เอาเป็นว่าบล็อกนี้ จะหยิบความเป็นไปของโลก ผ่านมุมมองของผู้เขียน ที่พบเจออยู่ทุกวัน
มาแชร์กันนะครับ
สำหรับเอ็นทรี่แรก ไม่มีอะไรมาก แค่นี้แหละครับ
จบ

จบ Entry 01 : Prologue

ปล.ผู้อ่านอาจจะคิดว่าเขียนแค่นี้ จะเขียนทำ...อะไร นั่นน่ะซิครับ!